รากเทียมคืออะไร

รากฟันเทียม หรือ รากเทียม คือ วัสดุทางทันตกรรมชนิดหนึ่งทำจากไททาเนียม ซึ่งจัดเป็นวัสดุที่เข้ากับร่างกายมนุษย์ได้ ใช้ฝังลงไปในกระดูกขากรรไกร จัดเป็นการทำฟันเทียมแบบติดแน่นประเภทหนึ่ง และยังมีแบบถอดได้ด้วยครับ การใช้รากฟันเทียมถือได้ว่าเป็นวิธีการใส่ฟันปลอมที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำแบบซี่ต่อซี่ และจะทำการฝังเข้าไปในเหงือกของคนไข้เลย

บริการทำรากเทียม จาก ARTISTRY Clinic

การทำรากฟันเทียม คือ วิธีการทดแทนฟันที่สูญเสียไปที่ดีที่สุดในปัจจุบัน โดยสามารถเลียนแบบความเป็นฟันธรรมชาติซี่นั้นได้แทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ คือทั้งด้าน ‘ความสวยงาม’ และ ‘การใช้งาน’

ผู้ที่ใส่รากฟันเทียมจะได้รับประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวที่ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ ลดปัญหาจากการใส่ฟันปลอมที่ถอดออกได้ เช่น ฟันปลอมหลวมขณะทำการพูดคุยหรือบดเคี้ยว การออกเสียงที่ไม่เป็นธรรมชาติเนื่องจากร่างกายรับรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมในช่องปาก

รากฟันเทียมที่ใช้

• แบรนด์ยุโรป Strauman (Switzerland), Astra Tech(Sweden), Hiossen(US)
• แบรนด์ ชั้นนำจากเกาหลี Osstem Neobiotech , Dentium)

ทั้งหมดล้วน เป็นแบรนด์ชั้นนำที่ได้การยอมรับจากโรงพยาบาลและคลีนิกชั้นนำทั่วประเทศ ผลิตจากไทเทเนียมชนิดพิเศษ ได้รับการออกแบบให้เข้ากับกระดูกธรรมชาติได้ดี หลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากการรักษา แข็งแรง ปลอดภัย

1. ทันตกรรมรากฟันเทียม 1 ซี่

เหมาะกับผู้ที่มีฟันหายไปเพียงแค่ 1 ซี่เท่านั้น วิธีนี้หมอจะใช้รากฟันเทียมที่มีรูปร่างคล้ายกับสกรู จำนวน 1 ตัว และฟันปลอม 1 ซี่แบบติดแน่น สามารถดูแลทำความสะอาดได้ง่ายเหมือนกับฟันปกติทั่วไปเลยครับ มีลักษณะฟันเหมือนฟันตามธรรมชาติ และใช้ในการบดเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ

2. ทันตกรรมรากฟันเทียมทั้งปาก

เป็นการทำฟันปลอมแบบทั้งขากรรไกร เพื่อทดแทนฟันที่หายไปทั้งปาก สามารถทำได้ทั้งด้านบนและด้านล่างครับ ใช้ในการบดเคี้ยวอาหารได้ดี และที่สำคัญคือมีความเป็นธรรมชาติมาก สำหรับคนไข้บางคนที่สูญเสียฝันไปทั้งแผง จะทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย นอกเหนือไปจากการบดเคี้ยวอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการพูดไม่ชัดเพราะไม่มีฟันเหมือนเดิม หรือถ้าไม่มีฟันทั้งแผงบริเวณด้านล่าง ก็จะทำให้มุมปากตกทำให้มีน้ำลายไหลยืดตลอดเวลาได้

ขั้นตอนการทำรากเทียมเบื้องต้น

การทำรากเทียม คนไข้ต้องผ่านหลายกระบวนการและหลายขั้นตอนเลยครับเพื่อความปลอดภัย แต่ในระยะยาวไม่ต้องกังวลเลยครับเพราะจะมีความแข็งแรงทนทาน และใช้งานได้จริงเหมือนกับฟันธรรมชาติเลย

1.ประเมินปัญหาและพูดคุยกับหมอ

ก่อนอื่นเลยหมอจะต้องเช็กสภาพเหงือกในบริเวณที่จะทำการปลูกรากฟันเทียมลงไปก่อน โดยเริ่มจากการสร้างแบบจำลองฟัน X-Ray เพื่อเช็กแนวขากรรไกร เพื่อนำมาประเมินว่าทำรากฟันเทียมได้หรือไม่ และตรวจเช็กความแข็งแรงของมวลกระดูก มีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรองรับรากฟันเทียมหรือเปล่า สุขภาพเหงือกสมบูรณ์ขนาดไหน และในขั้นตอนนี้ถ้าหมอตรวจเจอปัญหาอะไรก็จะต้องทำการแก้ไขก่อนเพื่อทำให้ฐานมีความแข็งแรง ก่อนที่จะปลูกรากเทียมเข้าไป

2. ทำการฝังรากเทียม

เป็นขั้นตอนที่จะต้องใช้ทั้งความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของหมอมากเลย โดยหมอจะทำการกรีดเปิดเหงือกไปจนถึงกระดูก และเจาะรูเพื่อเตรียมฝังรากเทียมลงไปครับ รากฟันเทียมจะผลิตจากไทเทเนียมที่เหมาะกับร่างกายของเรา ทำให้ไม่ต้องกลัวเอฟเฟ็กต์อันตรายที่จะเกิดขึ้น และความแข็งแรงก็ใช้งานได้อย่างยาวนานเป็นสิบ ๆ ปี

3. พักฟื้น

ขั้นตอนการพักฟื้นนี้ คนไข้แต่ละคนจะมีการฟื้นตัวที่แตกต่างกันไปครับ หลังจากที่รากฟันเทียมถูกฝังเข้าไปในบริเวณกระดูก กระดูกขากรรไกรของเราก็จะทำการสมานตัวเพื่อยึดติดรากฟันเทียมให้เข้ากับกระดูก ตามปกติแล้วในขั้นตอนการพักฟื้นนี้จะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 เดือน และหมอก็จะนัดให้เข้ามาเช็กติดตามผลเป็นระยะ ๆ เพื่อติดตามผลต่อไป

4. การใส่เดือยเพื่อรองรับการครอบฟัน

เมื่อหมอเช็กแล้วว่ากระดูกและรากเทียมมีความแข็งแรง ขั้นตอนต่อไปก็คือการใส่เดือยเพื่อรองรับการครอบฟัน เป็นการใส่เครื่องมือช่วยสร้างร่องเหงือกนั่นเอง แต่สำหรับบางเคสหมออาจจะฝังรากฟันเทียมที่มีเดือยไปให้แล้ว ทำให้ลดขั้นตอนนี้ไปครับ ซึ่งกรณีนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละเคสนะครับ เดี๋ยวหมอจะประเมินหน้างานให้อีกที หลังจากใส่เดือยแล้วหมอก็จะทำการพิมพ์ปากเพื่อนำไปใช้ในการสร้างตัวครอบฟันต่อไป ใช้เวลาประมาณ 5 – 7 วันเท่านั้นครับ

5. ครอบฟัน

มาถึงขั้นตอนการสุดท้ายแล้วครับ นั่นก็คือการครอบฟันนั่นเอง โดยฟันที่ได้จะมีสีและขนาดที่คล้ายกับฟันจริงซี่เดิมมาก ๆ สามารถกัดฟันและสบฟันได้ตามปกติ และยังสามารถเคี้ยวอาหารแบบปกติ โดยมีวัสดุอย่าง PFM, Ceramic, Zirconia แข็งแรง อายุการใช้งานยาวนาน สวยงามเป็นธรรมชาติ

วิธีดูแลรักษาหลังทำรากเทียม

อีกหนึ่งข้อสงสัยของคนไข้หลาย ๆ คนก็คือ หลังจากที่ทำรากฟันเทียมไปแล้ว จะต้องมีการดูแลรักษาที่ยุ่งยากเพิ่มเติมอะไรหรือไม่หมอขอบอกเลยว่า ก็เหมือนกับการรักษาความสะอาดฟันตามปกตินั่นแหละครับ แต่อาจจะต้องลงดีเทลกันนิดหนึ่ง นอกจากจะแปรงฟันตามปกติแล้ว หมอขอแนะนำให้ใช้ไหมขัดฟันเพิ่มเติมด้วย เพื่อที่เป็นการทำความสะอาดนำเศษอาหารที่อุดตันตามซี่ฟันออกมาให้หมด และที่สำคัญเลยคือการกลับมาหาหมอเป็นประจำทุกปีเพื่อให้หมอตรวจเช็ก และคนไข้สามารถบอกหมอได้เลยค่ะว่ามีรากเทียมอยู่ในปาก เพื่อที่หมอจะได้มีความระวังมากขึ้น เพราะจะได้ไม่ต้องใช้เครื่องมือที่เป็นโลหะ ไปขูดรากเทียม เพื่อป้องกันรากเทียมเกิดรอยขีดข่วน ถ้ารากเทียมเกิดรอยขีดข่วนขึ้นมาแล้วละก็ อาจจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้ และจะส่งผลทำให้กระดูกรอบ ๆ อักเสบตามมาด้วยครับ และควรระมัดระวังในเรื่องของการเคี้ยวอาหาร ไม่เคี้ยวของแข็ง เพื่อรักษารากฟันให้ดี

• ทานยาให้ครบและตรงตามเวลานะครับ และหมอจะให้คำแนะนำดูแลตัวเองกลับไปด้วย
• ต้องรักษาความสะอาดช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ และให้ใช้แปรงขนนุ่มสำหรับหลังผ่าตัดโดยเฉพาะ และขอแนะนำให้ใช้ไหมขัดฟัน และบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากสูตรฆ่าเชื้อ
• ในช่วงเวลาพักฟื้นคุณจะต้องมีความระมัดระวังให้มาก อย่าทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกับรากเทียมที่เพิ่งติดตั้งเข้าไปเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้แผลอักเสบได้ครับ เช่น การเคี้ยวอาหารแข็ง ๆ หรือ อาหารเหนียว ๆ และการออกกำลังกายอย่างหนัก
• ถ้าคุณพบอาการปวดบวมหลังจากที่เพิ่งฝังรากฟันเทียมเข้าไป อาการนี้เป็นอาการปกติครับ หมอขอแนะนำให้ประคบเย็นบริเวณภายนอกตรงจุดที่ใส่รากฟันเทียมได้ แต่ห้ามอมน้ำแข็งอย่างเด็ดขาด เพราะอาจไปกระทบต่อแผลผ่าตัดได้โดยตรง
• และช่วงระยะแรก ๆ แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เปรี้ยวจัด หวานจัด และร้อนจัด รวมทั้งอาหารที่ต้องออกแรงเคี้ยวนานออกแรงเคี้ยวอย่างหนัก

รีวิวผลลัพธ์จากลูกค้าของ ARTISTRY Clinic

รากฟันเทียมมีอายุการใช้งานยาวนานเกินกว่า 10 ปีหรือสามารถอยู่กับคนไข้ไปได้ตลอดชีวิต แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการรักษาทำความสะอาดช่องปาก เพราะถ้ามีการรักษาทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกต้อง และใส่ใจดูแล ก็จะทำให้รากฟันเทียมอยู่กับคนไข้ได้อย่างยาวนานครับ การดูแลรักษาทำความสะอาดรากฟันเทียม ก็เหมือนกับการดูแลรักษา ทำความสะอาดฟันธรรมชาตินี่แหละ นอกจากจะแปรงฟันแล้ว การใช้ไหมขัดฟันทําความสะอาดตามซอกฟัน ก็จะทำให้ฟันมีความสะอาดมากขึ้น และอีกหนึ่งปัจจัยที่หลาย ๆ คนไม่เคยรู้มาก่อนนั่นก็คือ “ไม่ควรสูบบุหรี่” เพราะอาจส่งผลทําให้กระดูกที่ทำหน้าที่รองรับรากฟันเทียม เกิดการอักเสบได้ และเมื่อเหงือกเกิดการอักเสบซะแล้ว ฟันก็จะโยกและหลุดในที่สุด

หมอขอแนะนำเพิ่มเติมว่า “การสูบบุหรี่มีผลต่อรากฟันเทียม” จริง ๆ เพราะผู้ที่สูบบุหรี่ จะทำให้เหงือกบริเวณโดยรอบรากฟันเทียมร่น โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่จัด ๆ จะพบปัญหานี้มากเลยครับ นอกจากนี้คนไข้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน และผู้ป่วยไขข้ออักเสบรุนแรง หมอขอแนะนำว่าไม่ควรทำรากฟันเทียม