01/03/2024
แจกวิธีดูแลตัวเองหลังผ่าฟันคุด ให้หายไวกว่าเดิมแบบ 300%
แจกวิธีดูแลตัวเองหลังผ่าฟันคุด ให้หายไวกว่าเดิมแบบ 300%
หากพูดถึงฟันคุดเชื่อได้เลยว่าทุกคนจะต้องกลัวอย่างแน่นอน เพราะฟันคุดจะต้องผ่าเพื่อเอาออกมาอย่างเดียวเท่านั้น ส่งผลให้หลาย ๆ คนไม่อยากผ่าฟันคุดกันเท่าไหร่นัก ซึ่งปกติแล้วฟันคุดจะเป็นฟันกรามในซี่ในสุด จะมีทั้งหมด 4 ซี่ด้วยกัน อยู่ด้านบนและล่างของทั้งสองฝั่ง สำหรับฟันคุดจะเป็นฟันที่ไม่สามารถขึ้นเองได้ตามปกติ เพราะมีพื้นที่ให้ฟันขึ้นมาได้ไม่เพียงพอ หรืออาจจะมีฟันซี่อื่น ๆ มาขวางทิศทางการขึ้นของฟันอยู่นั่นเอง หรือบางซี่อาจจะขึ้นมาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามหากเป็นฟันคุด จะเป็นต้องถอนออกทั้งสิ้น
ผ่าฟันคุดเหมาะกับใครบ้าง อาการแบบไหนควรผ่าฟันคุดมากที่สุด
หลาย ๆ คนจะต้องมีคำถามอย่างแน่นอนว่า ผ่าฟันคุดเจ็บไหม เพราะจะเป็นการผ่าตัดเหงือกของเรา เพื่อนำฟันคุดที่อยู่ด้านในออกมา และส่วนใหญ่ฟันคุดมักจะโผล่ขึ้นมาในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย จนถึงช่วยวัยผู้ใหญ่ตอนต้น หรือมีอายุประมาณ 17-25 ปี ส่วนใหญ่แล้วอาการของคัดคุดจะไม่มีการแสดงออกมาแต่อย่างไร หรือบางคนก็อาจจะมีการแสดงอาการออกมาแตกต่างกัน แต่จะมีอาการในลักษณะใดบ้างนั้น ไปดูกันเลย
- อาการปวดตึง อักเสบ และอาจจะมีเลือดออกบริเวณเหงือกด้วยเช่นกัน เนื่องจากเกิดจากโรคปริทันต์
- อาการเหงือกบวม หรือบางครั้งจะมีอาการบวมไปจนถึงแก้ม หรือกราม เป็นต้น ซึ่งอาการบวมเหล่านี้จะเกิดจากการอักเสบ และการติดเชื้อ
- อาการปวดบริเวณขากรรไกร
- มีโอกาสเกิดฟันผุ เนื่องจากเมื่อเรามีอาการปวดหรืออาการบวม อาจจะทำให้เราแปรงฟันได้ยากมากกว่าปกติ
- การอ้าปากที่ลำบากมากกว่าเดิม และอาจจะมีอาการเจ็บเมื่อเราอ้าปากอีกด้วย
ข้อเสียของการไม่ผ่าฟันคุด ที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม
ทุกคนรู้หรือไม่ว่า หากเราไม่ผ่าฟันคุด จะก่อให้เกิดความอันตรายเป็นอย่างมาก เพราะหากฟันคุดของเราเกิดขึ้นมาบางส่วน อาจจะมีเศษอาหารเข้าไปติดได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้เราทำความสะอาดได้ยากมากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดเชื้อแบคทีเรียสะสม และเกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งอาการฟันผุเนื่องจากการทำความสะอาดสามารถทำได้ยาก ทำให้มีกลิ่นปากมากขึ้นกว่าเดิม จากการเกิดเศษอาหารตกค้าง ทำให้มีกลิ่นปากได้มากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นการผ่าฟันคุดจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ช่วยลดโรคที่อาจจะเกิดขึ้นในช่องปาก และช่วยลดกลิ่นปากได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ข้อปฏิบัติหลังผ่าฟันคุด ทำอย่างไรให้แผลหายเร็วที่สุด
โดยปกติแล้วผ่าฟันคุดกี่วันหาย การผ่าฟันคุดจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ แผลผ่าฟันคุดจะหายเป็นปกติ แต่กว่าที่แผลของเราจะหาย เราจำเป็นต้องมีวิธีดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม เพื่อช่วยลดอาการเจ็บปวดหลังผ่าฟันคุด อีกทั้งยังช่วยป้องกันอันตรายจากหลังผ่าฟันคุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหากใครสงสัยในเรื่องวิธีการดูแลตัวเอง หรือข้อปฏิบัติหลังผ่าฟันคุดจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย
- กัดผ้าก๊อซค้างไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง: เมื่อเราผ่าฟันคุดแล้ว ทันตแพทย์จะใช้ผ้าก๊อซวางไว้บริเวณที่ผ่าฟันคุด ดังนั้นเราจะต้องกัดผ้าก๊อซหลังผ่าฟันคุดให้แน่นพอสมควรอย่างต่ำ 1 ชั่วโมง เพื่อห้ามเลือดได้มากที่สุด ทั้งนี้ทันตแพทย์อาจจะให้กัดนานหรือน้อยลง ขึ้นอยู่กับการประเมินว่าเลือดจะหลุดไหลเมื่อไหร่
- ทานยาตามคำแนะนำของทันตแพทย์: หลังจากผ่าฟันคุด เราควรรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ และระมัดระวังผลข้างเคียงด้วยเช่นกัน เพราะโดยปกติแล้วหลังผ่าฟันคุดจะมีอาการปวดหรือบวมประมาณ 3-5 วัน แต่หากมีอาการที่ผิดปกติมากกว่านั้น อาจจะเกิดจากแผลผ่าฟันคุดอักเสบนั่นเอง
- ประคบเพื่อลดบวม: การดูแลตัวเองหลังผ่าฟันคุด เราสามารถใช้การประคบเพื่อช่วยลดบวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการประคบเย็นข้างแก้มประมาณ 24-48 ชั่วโมงหลังผ่า จากนั้นให้เปลี่ยนเป็นประคบอุ่น เพื่อให้เลือกที่คั่งบริเวณแผลหลังผ่ากระจายตัวออกไป
- นอนหมอนสูง: ในช่วงแรก ๆ หลังผ่าฟันคุด เราควรนอนด้วยการยกศีรษะสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย หรือการใช้หมอนสองใบเพื่อหนุน ซึ่งการนอนหมอนสูง ๆ จะเป็นตัวช่วยให้อาการบวมหลังผ่าฟันคุดหายเร็วมากยิ่งขึ้น
รับประทานอาหารอ่อน ๆ: แน่นอนว่าหลังผ่าฟันคุดเราจะยังไม่สามารถรับประทานอาหารได้อย่างปกติ ดังนั้นเราควรเลือกรับประทานอาหารอ่อน ๆ หรืออาหารเหลว ที่ไม่ต้องใช้แรงในการบดเคี้ยวเยอะ โดยเลือกรับประทานอาหารประเภทนี้ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันเศษอาหารเข้าไปติดบริเวณแผล และหลีกเลี่ยงการรับประทานของแข็งเพื่อป้องกันการอักเสบ
การผ่าฟันคุด ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม เนื่องจากเราจะมีฟันคุดกันทุกคน แถมฟันคุดยังทำให้เราเกิดอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้อย่างมากมาย ทั้งนี้หลังผ่าฟันคุดมาแล้ว ผ่าฟันคุดกี่วันหาย จะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์เพื่อให้แผลผ่าตัดหายเป็นปกติ ดังนั้นระหว่างนี้เราจำเป็นต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อป้องกันการเจ็บปวด และการอักเสบของแผลได้มากยิ่งขึ้น รับรองได้เลยว่าหากเราดูแลตัวเองอย่างดี จะช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ และช่วยให้แผลหายเร็วได้มากยิ่งขึ้น